bonbon living | Design - Renovation - consultency

View Original

ทุกคำถามเกี่ยวกับการติดแอร์บ้านที่นี่มีคำตอบ

ห้องนอนขนาดเท่านี้ติดแอร์กี่ BTU ดี? ห้องสี่เหลี่ยมติดแอร์ตรงไหนดี? เลือกแอร์ยีห้อไหนดี? เลือกแอร์แบบไหนดี? สารพัดคำถามที่บงบงจะช่วยหาคำตอบที่เหมาะกับคุณ!

บล็อกนี้ครอบคลุมเรื่องเหล่านี้

  1. แอร์ธรรมดา กับ แอร์อินเวอร์เตอร์ (inverter) ต่างกันยังไง? เลือกแบบไหน?

  2. ห้องขนาดนี้ติดแอร์กี่ BTU?

  3. ติดแอร์ตรงไหนของห้องดี?

  4. แอร์ยีห้อไหนดี มีเยอะจนเลือกไม่ถูก?

  5. แอร์ติดผนัง แอร์พื้น แอร์แขวน แอร์ฝังฝ้า แบบไหนดียังไง?

1. แอร์ธรรมดา กับ แอร์อินเวอร์เตอร์ (inverter) ต่างกันยังไง? เลือกแบบไหน?

แอร์ระบบธรรมดา

compresser นั้นจะทำความเย็นให้ต่ำกว่าอุณหภูมิที่ตั้งไว้ 3-4 องศาทำให้ห้องนั้นเย็นเร็ว และเมื่อถึงอุณหภูมินั้นคอมเพรสเซอร์จะหยุดการทำงานทันที และเมื่ออุณหภูมิห้องสูงกว่าที่ตั้งไว้เล็กน้อย แอร์จะเริ่มทำความเย็นอีกครั้งแบบเต็มกำลัง ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ซึ่งเพราะวิธีแบบนี้หลังจากแอร์เริ่มทำงานก็จะเกิดเสียงดังเพราะระบบนั้นกำลังรีบทำความเย็นอีกครั้ง ซึ่งแอร์ชนิดนี้จะกินพลังงานมาก

เช่น ตั้งอุณหภมิไว้ที่ 25 องศา แอร์จะทำงานให้อุณหภูมิห้องอยู่ที่ 21-22 องศา จากนั้นจะหยุดทำงานและเริ่มทำงานอีกครั้งเมื่ออุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 25-26 องศา

โดยแอร์ชนิดนี้นั้นเหมาะสำหรับห้องที่ต้องการความเย็นเร็ว ไม่ได้สนใจเรื่องความสม่ำเสมอของอุณหภูมิ เช่น ห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น

แอร์ระบบอินเวอร์เตอร์

compresser นั้นจะทำความเย็นให้ใกล้เคียงกับที่เราตั้องเอาไว้ เมื่ออุณหภูมิต่ำกว่าที่เราตั้งเล็กน้อย คอมเพรสเซอร์จะทำงานช้าลงแต่ยังคงทำความเย็นอยู่เรื่อยๆเป็นการรักษาระดับความเย็นของห้องให้เสถียร ไม่เย็นเร็วเกินไป จากนั้นเมื่ออุณหภูมิสูงกว่าที่เราตั้งไว้เล็กน้อยแอร์ก็จะค่อยๆเพิ่มความเย็นค่อยๆลดอุณหภูมิห้องกลับไปที่จุดเดิมอีกครั้ง ด้วยแบบนี้ทำให้แอร์อินเวอร์เตอร์นั้นเงียบและประหยัดพลังงานกว่า

เช่น ตั้งอุณหภมิไว้ที่ 25 องศา แอร์จะทำงานให้อุณหภูมิห้องอยู่ที่ 23-24 องศา จากนั้นจะยังคงทำงานเรื่อยๆรักษาะอุณหภูมิให้คงที่ จากนั้นเมื่ออุณหภูมิสูงขั้นจะเริ่มกลับมาทำงานใหม่อีกครั้ง

แอร์อินเวอร์เตอร์นั้นเหมาะสำหรับห้องที่ต้องการระดับอุณหภูมิที่ค่อนข้างเสถียรไม่แกว่งไปมา อย่างห้องนอน

2. ห้องขนาดนี้ติดแอร์กี่ BTU?

BTU (British Thermal Unit) หมายถึงความสามารถในการทำความเย็น (ถ่ายเทความร้อน) ใน 1 ชั่วโมง

โดย 1 BTU นั้นคือการทำให้น้ำปริมาณ 1 ปอนด์ มีความร้อนหรือความเย็นลดลง 1 องศาฟาเร็นไฮด์

ยกตัวอย่าง แอร์ 12,000 BTU หมายถึง แอร์ที่มีความสามารถในการถ่ายเทความร้อนออกจากห้องได้ 12,000 BTU ใน 1 ชั่วโมง

ห้องของเรานั้นต้องใช้กี่ BTU ละ?

สามารถคำนวน BTU ได้ง่ายๆด้วยสูตรนี้

BTU สำหรับห้องที่โดนแดด = พื้นที่ของห้อง(กว้างxยาว) x 800

BTU สำหรับห้องที่ไม่โดนแดด = พื้นที่ของห้อง(กว้างxยาว) x 600

ตัวอย่างที่ 1
ห้องนั่งเล่นโดนแดดใช้งานตอนกลางวัน มีขนาด 30 ตร.ม.
จำนวน BTU ที่ต้องใช้ = 30x800 = 24,000 BTU

ตัวอย่างที่ 2
ห้องนอนใช้งานตอนกลางคืน มีขนาด 30 ตร.ม.
จำนวน BTU ที่ต้องใช้ = 30x600 = 18,000 BTU

3. ติดแอร์ตรงไหนของห้องดี?

ในการเลือกตำแหน่งการติดตั้งแอร์นั้นมีสิ่งที่ต้องคำนึงถึงอยู่ 3 อย่าง

  • คุณชอบโดนลมแอร์หรือเปล่า?

    หลายคนจะไม่ชอบนั่งตากลมแอร์เนื่องจากลมนั้นจะพัดส่ายไปมา ทำให้รู้สึกเดี๋ยวเย็นเดี๋ยวร้อน ก็อาจจะต้องหามุมติดตั้งให้ไม่โดนจุดที่เราอาศัยอยู่เป็นเวลานาน โดยเน้นให้ได้รับความเย็นโดยรอบจากห้องแทน

    อีกมุมหนึ่งถ้าหากชอบที่จะรับลมเย็นของแอร์ละกันก็ควรพาจุดติดตั้งที่ทำให้ลมแอร์นั้นมากระทบที่ตัวโดยตรง ซึ่งมักจะเป็นบริเวรกลางห้อง

  • ความงาม

    แอร์นั้นมีขนาดที่ใหญ่ และ บางครั้งการติดตั้งแอร์ผนังเข้าไปจะทำให้เสียสมดุลของห้องได้ การติดแอร์ที่ดีอาจจะต้องดูแวดล้อมตำแหน่งเฟอร์นอเจอร์ต่างๆของห้องให้ดี หรือ ถ้าจะให้ปลอดภัยก็ติดบริเวณกึ่งกลางของผนังสองฝั่ง

  • เดินท่อและติดตั้งลำบากหรือเปล่า

    ถ้าหากผนังที่ติดตั้งนั้นไม่สามารถเดินท่อแอร์ออกจากอาคารได้โดยตรง โดยต้องเดินยาวไปจนถึงกำแพงอีกด้านหนึ่ง จะทำให้เราเห็นท่อแอร์วางเอียง(เอียงให้น้ำแอร์ไหล)ยาวเกะกะสายตาได้ ซึ่งเราอาจต้องหาวัสดุอะไรบางอย่างมาปิดท่อก็จะเกิดเป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมได้

4. แอร์ยีห้อไหนดี? มีเยอะจนเลือกไม่ถูก

การเลือกยีห้อแอร์นั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก ถ้าจะมาคุยกับเรื่องญีห้อไหนดีกว่ากันหรือยีห้อไหนปัญหาน้อยกว่ากัน เพราะจากประสบการณ์ที่ใช้งานแอร์มาหลายยีห้อ ทั้ง D ทั้ง S หรือ L และรวมถึงประสบการณ์จากคนรอบตัว ก็จะเจอปัญหาที่แตกต่างกันไปหรือไม่เจอปัญหาอะไรเลย ซึ่งหลายครั้งที่พบว่าปัญหานั้นเกิดจากการติดตั้งที่ไม่เรียบร้อยมากกว่าตัวอุปกรณ์เองได้ด้วยเช่นกัน

ในการเลือกยีห้อนั้ก็มีจะเกณฑ์ในการเลือกซื้ออยู่ 2 อย่าง

  • ความงาม

    เป็นเรื่องที่คนหลายคนมองข้าม แต่ออีกมุมหนึ่งคือแอร์ตัวนั้นจะต้องติดคู่กับผนังบ้านเราไป 10 ปี 20 ปี ถ้ามันเป็นแอร์ที่ไม่เข้ากับบริบทของบ้านและห้องนั้นก็คงจะขัดใจเราไปนานเช่นกัน

  • มีศูนย์บริการหลายแห่ง/มีอะไหลเยอะ/มีบริการหลังการขายที่ดี

    บริการหลังการขายนั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก ควรมองหาแอร์ยีห้อที่มีศูนย์บริการหลายศูนย์เพื่อความสะดวกในการเรียกใช้บริการ มีอะไหล่ให้บริการเยอะไม่แพงจนเกินไป ซึ่งข้อนี้แบรนด์ดังๆที่ติดตลาดจะค่อนข้างได้เปรียบ ในที่เราไม่ต้องไปหาข้อมูลหรือกังวลว่าเขาจะมีอะไหล่หรือศูนย์บริการไหม แต่ยังไงก็ลองเปิดโอกาศตัวเองลองค้นดูแบรนด์เล็กๆได้ด้วยเช่นกันแบรนด์เหล่านี้ก็อาจจะมีทุกอย่างพร้อมเช่นกัน

5. แอร์ติดผนัง แอร์พื้น แอร์แขวน แอร์ฝังฝ้า แบบไหนดียังไง?

แอร์ติดผนัง

ข้อดี

  • หาซื้อง่าย มีหลายตัวเลือกหลายยีห้อ

  • เสียงเบา

ข้อเสีย

  • ความเย็นกระจายไม่ทั่วถึงในห้องขนาดใหญ่

แอร์แขวน/แอร์ตั้งพื้น

ข้อดี

  • มีกำลังสูงสามารถพัดความเย็นกระจายไปได้ไกลทั่วห้องเหมาะสำหรับห้องขนาดใหญ่ทรงสีเหลื่ยมผืนผ้า

  • ห้องเย็นเร็วความเย็นกระจายทั่วถึงสำหรับห้องขนาดใหญ่

ข้อเสีย

  • ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบจำนวน BTU

  • เสียงค่อนข้างดังเวลาทำงานจะเกิดการสั่นจากการหมุนของพัดลมที่หมุนเร็ว

แอร์ฝังฝ้า

ข้อดี

  • มีกำลังสูงสามารถพัดความเย็นกระจายไปได้ไกลทั่วห้องเหมาะสำหรับห้องขนาดใหญ่ความเย็นกระจาย 4 ทิศทาง

  • ห้องเย็นเร็วความเย็นกระจายทั่วถึงสำหรับห้องขนาดใหญ่

  • เสียงเบา

ข้อเสีย

  • ติดตั้งค่อนข้างยากกว่าแอร์ทั่วไป